
ในสนามคือศัตรูที่ต้องเอาชนะ
ขณะเดียวกันก็คือครูที่ต้องเรียนรู้ไปด้วยกัน
-1-
ชัยชนะใน Wimbledon ของ Jannik Sinner ปีนี้ ไม่ได้มีความสำคัญกับเขาเพียงแค่เพราะเป็นการหยุดสถิติ Head to Head ที่เขาแพ้ Carlos Alcaraz มา 5 ครั้งติดต่อกันเท่านั้น (โดยเฉพาะครั้งหลังสุดที่เจ็บปวดที่สุดคือในรอบชิง Roland Garros 2025) แต่ระหว่างเส้นทางสู่แชมป์แกรนด์แสลมรายการที่ 4 นี้ Sinner ยังได้มีโอกาสล้างตากับ Novak Djokovic แม้หลายคนอาจมองข้าม แต่แมทช์นี้เองคืออีกหนึ่งชัยชนะสำคัญ เพราะถึง 4 ครั้งหลังสุดที่พบกัน Sinner จะเป็นฝ่ายชนะ Djokovic มาตลอด แต่ก็ยังไม่ใช่คอร์ทหญ้าที่ Wimbledon ที่ Sinner เคยแพ้ Djokovic มา 2 ครั้ง คือ Quarter-final 2022 และ Semi-final 2023 โดยครั้งแรก Sinner เป็นฝ่ายนำไปก่อนสองเซ็ตด้วยซ้ำ และครั้งต่อมา แม้จะแพ้สามเซ็ตรวด แต่ Djokovic เองก็รู้ดีว่าเป็นสามเซ็ตที่ไม่ง่าย และเด็กตัวผอมๆ แววตาไม่กลัวใครจากอิตาลีคนนี้เป็นอีกคนที่เขาต้องระวัง
การเอาชนะ Djokovic ที่ Wimbledon สักครั้งจึงเป็นเหมือนอีกมิชชั่นที่ Sinner ควรได้ทำ ก่อน Djokovic จะรีไทร์
ย้อนไปในปี 2022 การพบกันใน Wimbledon ครั้งแรกของ Sinner และ Djokovic มีเรื่องน่าจดจำอยู่เรื่องหนึ่ง (แน่นอนว่าไม่ใช่ “ท่าเครื่องบิน” ของคุณโนลเค้า) เรื่องดังกล่าวถูกนำมาเปิดเผยเมื่อไม่นานมานี้เมื่อ Darren Cahill หนึ่งในโค้ชของ Sinner ไปออกรายการ Podcast ของ Andy Roddick โดย Cahill เล่าว่า หลังจากที่ Sinner แพ้ Djokovic ใน Quarter-final ปีนั้น Cahill เจอกับ Djokovic แล้วก็เดินเข้าไปถาม Djokovic ตรงๆ ว่า “เฮ้ ผมเพิ่งเริ่มทำงานกับ Jannik ผมอยากรู้ว่าคุณเล่นกับเขาแล้วรู้สึกยังไงบ้าง แต่บอกเท่าที่คุณอยากบอกนะ” Cahill รีบบอกด้วยความเกรงใจ แต่ปรากฏว่า Djokovic ตอบคำถามนั้นยาวเหยียด เขาบอกว่า ช็อตที่ Sinner ตีนั้นมีคุณภาพ แต่มันไม่หลากหลาย มันไม่มีลูกสูง Sinner ไม่ขึ้นมาหน้าเน็ตและไม่ดึงให้เขาขึ้นไปหน้าเน็ตด้วยเหมือนกัน Sinner รีเทิร์นเสิร์ฟได้ดี แต่ก็ไม่พยายามจู่โจมลูกเสิร์ฟของเขา… เรียกว่า Djokovic แทบจะวิเคราะห์แต่ละเกมออกมาให้ Cahill ฟังเลยทีเดียว และแม้ความเห็นจาก Djokovic จะเป็นเรื่องที่ Cahill เองก็รู้และเตรียมจะเปลี่ยนแปลงให้ Sinner อยู่แล้ว แต่เมื่อเขานำข้อมูลเหล่านี้ไปบอกลูกศิษย์ของเขา Sinner ก็ประทับใจมาก และบอกโค้ชของเขาว่า “เรามาปรับปรุงเรื่องพวกนี้กัน”
-2-
แต่… เทนนิสเป็นเรื่องของทั้งทฤษฎีและที่สำคัญยิ่งกว่าคือการฝึกฝนและประสบการณ์ ดังนั้นคำพูดของ Djokovic จึงไม่ใช่สาเหตุสำคัญที่ทำให้ Sinner สามารถพัฒนาฝีมือขึ้นมาได้จนถึงทุกวันนี้ แต่ก็อีกนั่นแหละ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า Djokovic คือบันไดสำคัญอีกขั้นที่ช่วยส่งให้ Sinner กลายเป็นนักเทนนิสมือหนึ่งของโลกและเจ้าของแชมป์แกรนด์แสลม (อย่างน้อย) 4 สมัย… ไม่ใช่ด้วยคำพูด แต่คือการที่ Sinner ได้ลงสนามแข่งขันกับ Djokovic ในแต่ละครั้งที่ผ่านมาต่างหาก เพราะนั่นล้วนเป็นโอกาสให้เขาได้เรียนรู้และฝึกฝนกับหนึ่งในตำนานระดับ Big 4 ของวงการ
… เช่นเดียวกับที่ Sinner ได้เรียนรู้จากการแข่งกับ Daniil Medvedev แชมป์แกรนด์แสลมอีกคนหนึ่ง โดย 6 ครั้งแรกเขาเป็นฝ่ายแพ้รวด แต่หลังจากนั้นก็กลับมาเป็นฝ่ายชนะได้ถึง 8 ครั้ง จากการพบกันใน 9 ครั้งหลังสุด
และ… ก็เช่นเดียวกับที่ Djokovic เอง ได้หล่อหลอมตัวเองจากการฟาดฟันกับ Big 4 อีก 3 คน อย่าง Roger Federer, Rafael Nadal และ Andy Murray มาตลอดหลายปีก่อนหน้านั้น จนทำให้เขายังคงยืนหยัดอยู่ใน Top 10 ท่ามกลางนักเทนนิสรุ่นน้องได้อย่างทุกวันนี้
“ที่ไอ้ Nole มันขึ้นมาอยู่ได้ในระดับนี้ ต้องอย่าลืมว่า เพราะมันได้ฝึกกับ Fed และ Rafa มาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง มันถูกสองคนนั้นหล่อหลอมมา”
ครั้งหนึ่งพี่ชายของฉัน อดีตนักเทนนิสเยาวชนทีมชาติเมื่อกว่า 40 ปีก่อน เคยพูดประโยคนี้เอาไว้ระหว่างที่เรานั่งพักกันอยู่ข้างคอร์ต นี่คือความจริงที่หลายคนอาจมองไม่เห็นมาก่อนว่า “คู่ต่อสู้” ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับเรา ไม่ใช่ “ศัตรู” เราสู้กันแค่ในสนาม ผลัดกันแพ้ ผลัดกันชนะ แต่สิ่งสำคัญยิ่งกว่าคือเราได้เรียนรู้จากกันและกัน ต่อยอดและเติบโตไปด้วยกัน
ถ้าปราศจากคู่ต่อสู้ที่เหนือกว่า นักเทนนิสหลายคนก็คงไม่ได้เติบโตมาจนถึงทุกวันนี้
-3-
ในพิธีมอบรางวัลแชมป์ชายเดี่ยว Wimbledon ที่ผ่านมา Jannik Sinner ได้พูดประโยคหนึ่งที่บอกได้ดีว่าเขาเข้าใจถึงความสำคัญของ Rivarly หรือ การขับเคี่ยวกันระหว่างเขากับ Carlos Alcaraz มากแค่ไหน นั่นคือ ตอนที่เขาขอบคุณ Alcaraz ว่า “Thank you for the player you are” เพราะแม้ Alcaraz จะมีสถิติ Head to Head เหนือกว่าเขา และเป็นคนที่ยัดเยียดความพ่ายแพ้แก่เขาบ่อยกว่านักเทนนิสคนอื่นๆ แต่การเป็นนักเทนนิสที่ยอดเยี่ยมของ Alcaraz ก็ช่วยผลักดันให้เขาเรียนรู้และไม่หยุดที่จะพัฒนาตัวเอง เพื่อที่จะได้สู้กับ Alcaraz ได้
และก็ไม่ใช่แค่ Alcaraz เท่านั้น แต่ในสัมภาษณ์กับ Tennis Channel หลังจบแมทช์ Sinner ยังบอกอีกว่า แต่กว่าเขาจะได้มาเจอกับ Alcaraz ในรอบชิงแต่ละครั้ง เขาก็ต้องผ่านนักเทนนิสอีกหลายคนมาก่อนเช่นกัน ซึ่งทุกคนก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย และทุกคนคือโอกาสให้เขาเรียนรู้
ทางฝั่ง Alcaraz ก็ให้สัมภาษณ์ว่า Rivalry ระหว่างเขากับ Sinner เป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมสำหรับเขาทั้งสองคน และสำหรับวงการเทนนิสด้วยเช่นกัน เพราะเมื่อมีโอกาสให้พวกเขาได้พัฒนาฝีมือ เทนนิสก็จะก้าวขึ้นสู่ระดับที่สูงขึ้นไปเรื่อยๆ
ได้ฟังทัศนคติของมือหนึ่งของโลกวัยเพียง 23 ปี และมือสองของโลกวัย 22 ที่โตเกินวัยแบบนี้แล้ว การันตีได้เลยว่าเราจะได้มีโอกาสดูเทนนิสคุณภาพจากเขาสองคนไปอีกอย่างน้อยก็พักใหญ่ (หากไม่มีใครพลาดพลั้งบาดเจ็บ) ไม่นับที่ในอนาคตอาจจะมีตัวละครใหม่ๆ เข้ามาเสริมทัพ ทั้งคลื่นลูกใหม่ที่กำลังฟูมฟักตัวเองและนักเทนนิสรุ่นพี่หลายคนที่ยังคงประมาทไม่ได้อยู่
Tennis is in good hands, indeed.
อ้างอิง
© 2025 Khaoyai Connect. สงวนลิขสิทธิ์
ห้ามคัดลอก ดัดแปลง หรือเผยแพร่เนื้อหาทั้งหมดหรือบางส่วนโดยไม่ได้รับอนุญาต